ดร.จันทร์เพ็ญ เมฆาอภิรักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. ลงพื้นที่ตรวจราชการแบบบูรณาการ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์

                              วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๖ ดร.จันทร์เพ็ญ เมฆาอภิรักษ์ และคณะ ตรวจราชการโครงการพัฒนากัญชง-กัญชา ระบบเกษตรอินทรีย์อัจฉริยะ เพื่อการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง      โดยมี รศ.ดร.สำเนาว์ เสาวกูล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ผศ.ดร.รัตนจิรา รัตนประเสริฐ ผู้รับผิดชอบโครงการ พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ และรายงานผลการดำเนินงานโครงการ      ณ อาคารอทิตยาทร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ในการนี้ ดร.จันทร์เพ็ญ ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของคณาจารย์ ที่มีผลงานเชิงประจักษ์เป็นอย่างมาก และให้กำลังใจต่อบุคลากรทุกท่าน       ในการขับเคลื่อนโครงการ พร้อมได้ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม ดังนี้

                               ๑) ควรวิเคราะห์หาทิศทางการพัฒนากัญชาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

                               ๒) ควรใช้จุดเด่นความเหนียวของเส้นใยกัญชงในการพัฒนาวัสดุคอมโพสิทเพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่ม

                              ทั้งนี้ ดร.จันทร์เพ็ญ เมฆาอภิรักษ์ ผู้ตรวจราชการ กระทรวง อว. และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการโครงการพัฒนาศักยภาพกลุ่มผู้ผลิตผ้าไหมจังหวัดสุรินทร์ด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยมี ดร. ภรณี          หลาวทอง ผศ.ดร. มาโนช ริทินโย พร้อมด้วย สมาชิกกลุ่มทอผ้าไหมชุมชนบ้านสวาย และเครือข่าย ให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินงานโครงการ ณ กลุ่มทอผ้าไหมชุมชนบ้านสวายจ๊ะ ตำบลสวาย อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ด้วย พร้อมนี้ ดร.จันทร์เพ็ญ ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของคณะผู้รับผิดชอบโครงการ ตลอดจนสมาชิกกลุ่มผู้ผลิตผ้าไหม ที่มีการประยุกต์ใช้องค์ความรู้และนวัตกรรมในการดำเนินงานทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และ            ปลายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มผลผลิตและลดระยะเวลาการผลิตผ้าไหมพร้อมทั้งให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม ดังนี้

                             ๑) ควรมีการวิเคราะห์ธาตุอาหารที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของต้นหม่อน ในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

                             ๒) ควรพัฒนาต่อยอดโดยการใช้เทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (Tissue Culture) เพื่อการพัฒนาสายพันธุ์ใบหม่อนได้ตรงตามความต้องการ

                             ๓) ควรควบคุมกระบวนการผลิตให้เป็นออแกนิกผลิตภัณฑ์แผ่นใยไหมตลอดเส้นทาง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก

                             ๔) ควรมีการเก็บแบบจำลองลายผ้าโบราณ เพื่ออนุรักษ์ลวดลายผ้าไหมแบบดั้งเดิมให้กับเยาวชน เพื่อสืบสานและต่อยอดต่อไป

ข้อมูลข่าวโดย : กลุ่มตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม