กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. ...
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2567 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติการลงนามดังกล่าวเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 โดยผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ ศาสตราจารย์ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ ผู้ลงนามฝ่ายจีน คือ ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย
ในปี 2567 มีโครงการของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง จำนวน 10 โครงการ โดยมีสถาบันอุดมศึกษาเป็นหน่วยงานดำเนินโครงการ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ (1) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 2 โครงการ (2) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จำนวน 1 โครงการ (3) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จำนวน 1 โครงการ (4) มหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน 3 โครงการ (5) มหาวิทยาลัยนครพนม จำนวน 1 โครงการ (6) มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 1 โครงการ และ (7) มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี จำนวน 1 โครงการ
กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้างเป็นกรอบความร่วมมือที่เกิดจากข้อริเริ่มของไทยเมื่อปี 2555 และได้รับการประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศแม่โขง-ล้านช้างครั้งที่ 1 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ประกอบด้วยประเทศสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันยกระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงผ่านการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการต่างๆภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ทั้งนี้ นับตั้งแต่กองทุนได้ก่อตั้งขึ้นมีโครงการของกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับการอนุมัติงบประมาณสนับสนุนไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 44 โครงการ ทั้งนี้ โครงการทั้งหมดได้สะท้อนถึงความสำเร็จของการขับเคลื่อนการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงร่วมกับประเทศสมาชิกอย่างเป็นรูปธรรม