Tense หรือรูปแบบประโยคทั้งหมดในภาษาอังกฤษสามารถแบ่งง่าย ๆ ได้เป็น 3 ช่วงเวลาด้วยกัน คือ Present-ปัจจุบัน, Past-อดีต, Future อนาคต เรามาดูกันว่า 12 tenses ในภาษาอังกฤษนั้นมีอะไรบ้าง วันนี้ Twinkl (ทวิงเคิล)
ได้สรุปโครงสร้างประโยคและตัวอย่างประโยคของ12 tenses มาให้ดูอย่างละเอียดและเข้าใจง่ายค่ะ
Present Tense คือ กลุ่มของ tense ที่ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน “ปัจจุบัน” โดยแบ่งเป็น 4 tense ด้วยกัน
1. Present Simple Tense ใช้กับ
เหตุการณ์ปัจจุบัน หรือ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน ทุกเดือน หรือทุกปี
โครงสร้างประโยค: Subject + V. 1
ตัวอย่างประโยค:
I (You/ We/ They) run everyday. ฉันวิ่งทุกวัน
He (She/ It) works everyday. เขาทำงานทุกวัน
2. Present Continuous Tense ใช้กับ
เหตุการณ์ที่ “กำลัง” เกิดขึ้นในปัจจุบันและยังเกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนที่กำลังพูด
โครงสร้างประโยค: Subject + V. to be (is/am/are) + V.ing
ตัวอย่างประโยค:
I am eating right now. ฉันกำลังกินข้าว
You (We/ They) are eating at the restaurant now. ฉันกำลังกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารตอนนี้
He (She/ It) is walking to meet me right now. เขากำลังเดินมาหาฉันตอนนี้
3. Present Perfect Tense
ใช้กับเหตุการณ์ที่ “เกิดขึ้น” และ “เพิ่งจบลง” ณ ปัจจุบัน
โครงสร้างประโยค: Subject + V. to have (has/ have) + V.3
ตัวอย่างประโยค:
I (You/We/ They) have travelled to England. ฉันเพิ่งไปเที่ยวที่ประเทศอังกฤษ (สื่อว่าเพิ่งจะไปเที่ยวและเพิ่งกลับมา)
He (She/ It) has gone to the hospital. เขาเพิ่งจะไปโรงพยาบาลเมื่อสักครู่นี้
4. Present Perfect Continuous Tense
ใช้กับเหตุการณ์ที่ “เกิดขึ้น/เริ่มต้น” ในอดีต และ “กำลังดำเนินอยู่ต่อเนื่อง” ถึงปัจจุบัน
โครงสร้างประโยค: Subject + V. to have (has/ have) + been + V.ing
ตัวอย่างประโยค
I (You/We/They) have been writing this report for 2 days. ฉันเริ่มเขียนรายงานนี้มา 2 วันแล้ว (หมายความว่าปัจจุบันก็ยังเขียนอยู่และยังไม่เสร็จ)
He (She/ It) has been living in Thailand for 10 years. เขาอาศัยอยู่ในประเทศไทยมา 2 ปีแล้ว (หมายความว่าปัจจุบันก็ยังอยู่และยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศไทย)
Past tenses จะมีทั้งหมด 4 รูปแบบเช่นเดียวกัน แต่จะใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์ใน “อดีต”
5. Past Simple Tense
ใช้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและ “จบลงในอดีต”
โครงสร้างประโยค: Subject + V.2
ตัวอย่างประโยค
I (You/ We/ They/ He/ She/ It) went to the coffee shop yesterday. ฉันไปร้านกาแฟมาเมื่อวานนี้
My school closed last weekend. โรงเรียนฉันปิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
6. Past Continuous Tense
มักจะใช้เมื่อมี 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน โดยเหตุการณ์หนึ่งกำลังเกิดขึ้นในอดีต แต่มีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรกแซง
โครงสร้างประโยค: Subject + was/were + V.ing
ตัวอย่างประโยค
I (He, She, It) was sleeping when you called me yesterday. ฉันกำลังนอนหลับอยู่ ตอนที่คุณโทรมาหาฉันเมื่อวาน
They (We, You) were walking while the car crashed. พวกเขากำลังเดินอยู่ ตอนที่รถยนต์ชน
7. Past Perfect Tense
ใช้กับสถานการณ์ที่มี 2 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นคนละเวลากัน โดยเหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้น เมื่อเหตุการณ์แรกจบลงแล้ว
โครงสร้างประโยค:
Subject + had + V.3
Subject + had + V.3 & Subject + V.1
ตัวอย่างประโยค
I (You/ We/ They/ He/ She/ It) had done homework when my parents arrived home yesterday. ฉันเพิ่งทำการบ้านเสร็จ ตอนที่พ่อแม่ของฉันกลับมาถึงบ้านเมื่อวานนี้
8. Past Perfect Continuous Tense
Tense นี้มักจะใช้กับการเขียนเป็นหลัก โดยการใช้ Past Perfect Continuous Tense จะประกอบด้วย 2 เหตุการณ์ โดยเหตุการณ์แรกเกิดก่อน และกำลังดำเนินอยู่ ในขณะที่เหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นและจบลงตามหลัง ความแตกต่างที่สำคัญคือ Past Perfect Continuous Tense จะมีคำบ่งบอกเวลากำกับ
โครงสร้างประโยค:
Subject + had + been + V.ing
Subject + had + been + V.ing + (time) & Subject + V.2
ตัวอย่างประโยค
I (You/ We/ They/ He/ She/ It) had been travelling for one hour when the car broke down last week. ตอนที่รถยนต์ฉันเสียเมื่อสัปดาห์ก่อน ฉันเพิ่งเริ่มเดินทางไปได้เพียงแค่ 1 ชั่วโมง
กลุ่มของ tense ที่ใช้อธิบายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นใน “อนาคต” โดยแบ่งเป็น 4 tense ด้วยกัน
9. Future Simple Tense
รูปแบบประโยคที่ใช้กับการวางแผนถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น พรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า หรือแม้แต่ในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า
โครงสร้างประโยค: Subject + will + V.1
ตัวอย่างประโยค
I (You/ We/ They/ He/ She) will travel to Japan next month. ฉันจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเดือนหน้า
My parents will buy me a bicycle on my next birthday. พ่อแม่ของฉันจะซื้อจักรยานให้ฉันในวันเกิดฉันครั้งหน้า
10. Future Continuous Tense
Tense นี้จะมีโครงสร้างและวิธีการใช้เหมือนกับ Past Continuous Tense เพียงแต่เป็นรูปแบบประโยคที่พูดถึงเหตุการณ์ในอนาคต โดยจะเป็นการใช้ 2 tense ผสมกันคือ
Future Continuous Tense และ Present Simple tense โดยเหตุการณ์หนึ่งกำลังเกิดขึ้นและยังไม่สิ้นสุดในอนาคต โดยมีอีกเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน
โครงสร้างประโยค: Subject + will + be + V.ing Subject + V.1
ตัวอย่างประโยค
I (You/ We/ They/ He/ She/ It) will be travelling when you arrive. ฉันน่าจะกำลังเดินทางอยู่ ตอนที่คุณมาถึง
11. Future Perfect Tense
เป็นรูปประโยคที่ประกอบด้วย 2 สถานการณ์ คือเหตุการณ์แรกจะสิ้นสุด ก่อนที่เหตุการณ์ที่สองจะเกิดขึ้น
โครงสร้างประโยค: Subject + will + have + V.3
โครงสร้างประโยค: Subject + will + have + V.3 & Subject + V.1
ตัวอย่างประโยค
The rain will have stopped by this evening. ฝนจะหยุดตกในเย็นวันนี้
I (You/ We/ They/ He/ She/ It) will have travelled to Japan by the time you arrive in Thailand. ฉันคงเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเสร็จแล้ว ตอนที่คุณมาถึงประเทศไทย
12. Future Perfect Continuous Tense
มักจะไม่ค่อยพบเจอทั้งในการเขียนและการพูด โดย tense นี้จะคล้ายคลึงกับ Future Continuous Tense เพียงแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอันดับแรกนั้นจะเปลี่ยนเป็น will + V. to have + V. to be + V. ing เพื่อแสดงว่าเหตุการณ์นี้ยังจะดำเนินต่อไป และที่สำคัญมักจะมีคำบ่งบอกเวลาว่าเกิดขึ้นมานานเท่าไหร่แล้วกำกับไว้
โครงสร้างประโยค: Subject + will + have + been + V.ing + (time) & Subject + V.1
ตัวอย่างประโยค
I (You/ We/ They/ He/ She/ It) will have been travelling for two hours when you arrive. ฉันน่าจะกำลังเดินได้ประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนที่คุณมาถึง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Pattida Boonwan Content Executive Thailand
เว็บไซต์นี้ เป็นเว็บไซต์หน่วยงานของรัฐในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดตั้งขึ้นเพื่อมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการ สป.อว. เพื่อเข้าสู่มาตรฐานการบริหารจัดการภาครัฐ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของสำนักงานปลัดกระทรวง โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป